Month: September 2022

การเลือกสีผ้าใบสำหรับทำกันสาดอัตโนมัติให้เหมาะกับการใช้งาน

เพื่อให้ทุก ๆ คนสามารถเลือกสีผ้าใบสำหรับติดตั้ง กันสาดอัตโนมัติ ให้ได้อย่างเหมาะสม ตรงกับการใช้งานที่สุด จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหลักการเลือกสีสันที่ตอบโจทย์มาให้ตัดสินใจได้อย่างไม่ลังเล ไม่ว่า จะสนใจประเภทไหน กันสาดพับได้หรือกันสาดแขนยื่นเพื่อเหตุผลใดก็ตาม เพราะเรื่องของสีเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวและเมื่อติดตั้งแล้วจะรู้สึกประทับใจ

วิธีการเลือกใช้สีกันสาดอัตโนมัติให้เหมาะสม

– เลือกใช้สีให้เข้ากับบริเวณที่จะติดตั้ง
เริ่มต้นเลยคือการนึกถึงบริเวณ หรือสถานที่ที่จะติดตั้งกันสาด นี่คือเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเลือกให้เหมาะสม เช่น การเน้นโทนสีที่เข้ากับตัวบ้าน ตึก หรืออาคารนั้น ๆ เพื่อให้ใกล้เคียงกับบรรยากาศ ไม่รู้สึกแปลกตาใด ๆ ยกตัวอย่าง บ้าน ตึก อาคารมีสีขาว ควรใช้ผ้าใบสีขาว หรือสีครีม, บ้าน ตึก อาคารมีสีเทา ควรเลือกสีผ้าใบเป็นเทาอ่อน หรือเทาเข้ม

– เลือกใช้สีให้โดดเด่น สะดุดตา
หากเป็นร้านค้า หรือเป็นสำนักงานที่จำเป็นต้องสร้างความโดดเด่นให้ตัวเอง สร้างเอกลักษณ์เฉพาะ อยากแนะนำเป็นกันสาดอัตโนมัติสีสันสดใสไปเลย เป็นการสร้างความสะดุดตาให้ผู้ผ่านไปมา เช่น ผ้าใบสีส้ม สีเหลือง สีแดง รับรองว่ามีแต่คนหันมามองผ้าใบและเหลือบมามองร้านค้า หรือสำนักงานของคุณมากขึ้นกว่าเดิม

– เลือกใช้สีที่ชื่นชอบมากที่สุด
ถือเป็นการเลือกอันแสนง่ายเลยทีเดียว เพราะไม่ต้องอิงอะไรเลยแค่เน้นเป็นสีที่ผู้ติดตั้งชอบ อยากให้ผ้าใบเป็นสีใดเพื่อดีไซน์กันสาดพับได้ในสไตล์ของตนเองก็ได้หมดไม่มีปัญหา เพราะสีที่ชอบยังไงแล้วก็จะมองได้ไม่มีเบื่อ ดูไม่รำคาญใจ

– เลือกใช้สีให้เข้ากับสีประจำธุรกิจ – องค์กร
โดยทั่วไปแล้วแต่ละธุรกิจ หรือแต่ละองค์กรจะมีสีประจำตัวที่บ่งบอกถึงเรื่องอัตลักษณ์ของตนเองอยู่แล้ว เพื่อสร้างภาพจำให้กับผู้คนที่พบเห็น ดังนั้นจึงมีอีกวิธีคือการเลือกสีผ้าใบให้เข้ากับสีธุรกิจไปเลย คนเห็นก็จะจำได้ง่ายขึ้น

– เลือกสีให้เข้ากับประเภทธุรกิจ
สุดท้ายคือการเลือกสีผ้าใบในการติดตั้งกันสาดแขนยื่นให้มีความสอดคล้องกับประเภทของธุรกิจที่ทำอยู่ เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนที่ผ่านมาพบเห็นเกิดความเข้าใจในธุรกิจเรามากขึ้น เช่น ธุรกิจต้นไม้ก็ใช้ผ้าใบสีเขียว ธุรกิจกาแฟก็ใช้ผ้าใบสีน้ำตาล เป็นต้น

จริง ๆ แล้วนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการเลือกสีกันสาดอัตโนมัติ เพราะยังมีหลักการอีกมากมายที่ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใครชื่นชอบการเลือกวิธีไหนก็ลองนำไปปรับใช้กันดูได้ เชื่อว่าจะช่วยให้เกิดความสวยงาม สมบูรณ์แบบมากที่สุด และถ้าคุณกำลังมองหาแหล่งให้บริการกันสาดหลากหลายประเภท ติดตั้ง – ออกแบบ

ฉีดโบท็อกซ์ปรับหน้าเรียวได้อย่างเห็นผล มีความปลอดภัย

สมัยนี้เชื่อว่าหลายท่านคงรู้จัก โบท็อกซ์ เป็นอย่างดี โบท็อกซ์ถูกนำมาใช้ในด้านความสวยความงามกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นตัวช่วยเรื่องการลดเลือนริ้วรอยที่สาวๆ หลายท่านให้ความสนใจไม่น้อย ในบางครั้งการบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ลดเลือนริ้วรอยอาจยังให้ผลลัพธ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควร การ ฉีดโบท็อกซ์ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยตอบโจทย์แก้ไขปัญหาเรื่องริ้วรอยได้อย่างตรงจุด และให้ผลอย่างรวดเร็ว

ฉีดโบท็อกซ์ ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง
โบท็อกซ์ช่วยอะไรบ้าง botox คือตัวยาที่สามารถใช้ฉีดได้หลายตำแหน่ง แต่ส่วนใหญ่ที่นิยม คือใช้ลดริ้วรอย ลดกรามและปรับหน้าเรียว
– ช่วยลดริ้วรอย จะเริ่มเห็นผลภายใน 3-7 วัน กลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์ทำให้กล้ามเนื้อขยับได้น้อยลง ริ้วรอยบนใบหน้าจึงค่อยๆ ลดลงโบท็อกซ์จะฉีดตรงบริเวณริ้วรอยบนใบหน้า เช่น เส้นที่หน้าผาก ตีนกา รอยขมวดคิ้ว ช่วยให้ดูอ่อนวัยกว่าเดิม
– ช่วยปรับรูปหน้า จะเริ่มเห็นผลภายใน 1-2 เดือน โบท็อกซ์จะทำให้กล้ามเนื้อเล็กลง เนื่องจากกล้ามเนื้อโดยปกติหากไม่ได้ขยับเขยื้อนจะค่อยๆ มีขนาดเล็กลงอยู่แล้ว หมอจะฉีดตรงแนวขากรรไกร กราม เพื่อปรับใบหน้าให้เล็กและเรียวขึ้น
– โบท็อกซ์ ช่วยฟื้นฟูผิว การฉีดโบท็อกสามารถช่วยให้รูขุมขนเล็กลงได้ โดยหมอจะฉีดโบท็อกซ์ไปที่กล้ามเนื้อและต่อมไขมัน เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปรูขุมขนจะหดเล็กลง ต่อมไขมันลดขนาด ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

ฉีดโบท็อกซ์เรียวจริงไหม
การฉีดโบท็อกซ์ ช่วยให้หน้าเรียวได้จริ โดย 14 วันหลังฉีดคนไข้จะรู้สึกว่าหน้าเรียว วีเชฟมากขึ้น แต่ทั้งนี้โบท็อกจะเห็นผลกับกล้ามเนื้อเท่านั้น จะต้องประเมินว่าคนไข้ที่อยากหน้าเรียว มีปัญหาจากจุดไหน จากกระดูก กล้ามเนื้อหรือว่าไขมัน เพื่อแนะนำหัตถการที่เหมาะสมให้ ซึ่งหากคนไข้มีไขมันบริเวณใบหน้าเยอะ หมอก็อาจจะพิจารณาให้ฉีดเมโสแฟตร่วมด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

3 จุดควรระวัง หากจะต้องการฉีดโบท็อกซ์
– ตำแหน่งที่ 1 : เหนือหางคิ้วด้านนอก เนื่องจากเป็นจุดที่มีเส้นประสาท ควบคุมการเคลื่อนไหวของคิ้วจำนวนมาก หากฉีดโบท็อกเข้าไปจะทำให้ระบบประสาทไม่ทำงาน หางคิ้วตกลง ทำให้หน้าดูเศร้า จุดนี้หากมีริ้วรอย แนะนำให้แก้ด้วยฟิลเลอร์ หรือ HIFU
– ตำแหน่งที่ 2 : ริ้วรอยเปลือกตา บริเวณนี้มีเส้นประสาทที่ควบคุมการยกเปลือกตาอยู่ อีกทั้งยังเป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูง จะกระทบกับระบบประสาทส่วนอื่นของลูกตา หากฉีดโบท็อกซ์ตรงนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทันที คือหนังตาตกอย่างชัดเจน แพทย์จึงไม่ฉีดให้กับผู้เข้ารับการรักษา จุดนี้หากมีริ้วรอย แนะนำให้ผ่าตัดเอาหนังตาส่วนเกินออก หรือฉีดฟิลเลอร์เติมเปลือกตาด้านบนครับ
– ตำแหน่งที่ 3 : มุมปากและริ้วรอยรอบปาก หากฉีดโบท็อกซ์ที่จุดนี้ จะมีผลต่อระบบประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของมุมปาก เมื่อระบบประสาทไม่ทำงาน มุมปากก็จะตกลง ดูเหมือนคนหน้าบึ้ง และจะทำให้การพูดการยิ้มดูไม่ธรรมชาติ